วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

รัฐศาสตร์

         รัฐศาสตร์ (Political Science) คือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยรัฐ อันเป็นสาขาหนึ่งของวิชาสังคมศาสตร์ ที่กล่าวถึงเรื่องราวเกี่ยวกับรัฐ ว่าด้วยทฤษฎีแห่งรัฐ การวิวัฒนาการ มีกำเนิดมาอย่างไร สถาบันทางการเมืองที่ทำหน้าที่ดำเนินการปกครองมีกลไกไปในทางใด การจัดองค์การต่างๆ ในทางปกครอง รูปแบบของรัฐบาล หรือสถาบันทางการเมืองที่ต้องออกกฎหมายและรักษาการณ์ให้เป็นไปตามกฎหมาย เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเอกชน (Individual) หรือกลุ่มชน (Group) กับรัฐ และความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับรัฐ ตลอดจนแนวคิดทางการเมืองที่มีอิทธิพลต่อโลก ตลอดจนการแสวงหาอำนาจของกลุ่มการเมืองหรือภายในกลุ่มการเมือง หรือสถาบันการเมืองต่างๆ เพื่อการปกครองรัฐให้เป็นไปด้วยดีที่สุด
        จากความหมายดังกล่าว รัฐศาสตร์จึงมีความเกี่ยวพันกับสังคมศาสตร์ทุกสาขาวิชาอย่างแยกไม่ออก การที่เราจะศึกษาวิชารัฐศาสตร์จำเป็นต้องจำกัดขอบเขต โดยวิชารัฐศาสตร์จะมุ่งเน้นศึกษาเป็นพิเศษใน 3 หัวข้อ คือ
         1. รัฐ (State)
         2. สถาบันการเมือง (Political Institutions)
         3. ปรัชญาการเมือง (Political Philosophy)
         1. รัฐ (State) เป็น หัวใจของวิชารัฐศาสตร์ เราจำเป็นที่จะต้องศึกษาว่า รัฐคืออะไร ความหมายและองค์ประกอบของรัฐ กำเนิดของรัฐ และวิวัฒนาการของรัฐ และแนวคิดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐ
         2. สถาบันทางการเมือง (Political Institutions) หมายถึง องค์กรหรือหน่วยงานที่ก่อตั้งขึ้น เพื่อประโยชน์ในการปกครองและดำเนินกิจการต่างๆ ของรัฐทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งอาจจะก่อตั้งขึ้นโดยกฎหมายของรัฐ หรืออาจก่อตั้งขึ้นโดยการร่วมใจกันของเอกชน หรือตามประเพณีก็ได้ สถาบันทางการเมืองมี สภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐบาล พรรคการเมือง เป็นต้น
        3. ปรัชญาทางการเมือง (Political Philosophy) คือ ความคิดความเชื่อของบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ในยุคใดยุคหนึ่ง อันเป็นรากฐานของระบบการเมืองที่เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมและความต้องการของตน หมายความรวมถึง อุดมการณ์หรือเป้าหมายที่จะเป็นแรงผลักดันในมนุษย์ปฏิบัติการต่างๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้นๆ เช่น ผู้บริหารประเทศไทยมีปรัชญาทางการเมืองที่มุ่งในทางพัฒนาประเทศให้เจริญก้าว หน้าทางด้านอุตสาหกรรมและทางกสิกรรม กับปรารถนาให้ประชาชาติมีการกินดีอยู่ดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นวัตถุประสงค์ (Objective or Ends) แต่การที่จะปฏิบัติ (Means) นั้นอาจจะใช้ระบบประชาธิปไตยแบบไทยๆ ซึ่งก็เป็นวิถีทางที่อาจจะนำมาถึงจุดมุ่งหมายนั้นๆ ก็ได้

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

Tablet Computer

ปัจจุบัน นอกจากคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ (PC Desktop) คอมพิวเตอร์แบบพกพา (Notebook) ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากแล้ว ยังมีคอมพิวเตอร์อีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็คือ แทบเล็ต” (Tablet) นั่นเอง
เมื่อก่อนจะเห็น Tablet กันในเฉพาะอุตสาหกรรมหรืออาชีพบางอาชีพเช่น หมอหรือวิศวกร แต่เมื่อผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ได้นำมาประยุกต์ให้ใช้งานได้หลากหลาย ทำให้ Tablet ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับความหมายของ Tablet  ก็น่าจะหมายถึง กระดานชนวนอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
         1.มีขนาดหน้าจอที่มีความกว้างมากกว่า 7 นิ้วขึ้นไป (ขนาด pocket book) แต่ขนาดหน้าจอที่ได้รับความนิยมมากก็จะเป็นหน้าจอขนาด 10.นิ้ว เช่น  iPad หรือ Samsung Galaxy Tab 
        2.หน้าจอเป็นระบบการป้อนคำสั่งหรือสั่งงานด้วยการสัมผัส เช่น ใช้นิ้วมือเป็นต้น โดยบางรุ่นอาจจะรองรับระบบ Multi-Touch
         3.ไม่มีคีย์บอร์ด ส่วนมากจะเป็น Virtual Keyboard ซึ่งแสดงบนหน้าจอ
       4.ระบบปฎิบัติการที่นิยมใช้ใน Tablet รุ่นปัจจุบัน มีทั้งหมด 3 ตัว คือ iOS (iPad พัฒนาโดย Apple) Windows พัฒนาโดย Microsoft และ Android พัฒนาโดย Google)
        5.จุดเด่นอีกอย่างของ Tablet ก็คือ มีน้ำหนักเบา พกพาง่าย
        6.แต่จุดด้อยของ Tablet คือ ประสิทธิภาพการทำงานอาจไม่เทียบเท่ากับ Notebook
   เนื่องจากประสิทธิภาพไม่สูงเท่า Notbook สำหรับตัว Tablet นั้น เหมาะสำหรับการใช้งานที่ไม่ต้องการประสิทธิภาพของ  Hardware มากนัก เช่น ท่องอินเทอร์เน็ต เช็คอีเมล์ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ที่ไม่ต้องการสเปคที่สูงนัก หรือจัดการเอกสารแบบง่ายๆ
Samsung Galuxy Tab
BlackBerry PlayBook
HTC Flyer
Ipad ของค่าย Apple

HD (High-Definition)

          HD ย่อมาจากคำว่า High-Definition นั้น เป็นรูปแบบหรือมาตรฐานใหม่สำหรับการส่งสัญญาณภาพที่มีความละเอียดสูงในระดับ 720p/1080p/1080i ซึ่งให้ภาพที่คมชัดและมีรายละเอียดสูงกว่าดีวีดีทั่วไป ระบบการส่งสัญญาณภาพแบบ HD ในระดับ 1080p จำเป็นต้องใช้สายแบบ HDMI เท่านั้น ส่วนสาย Component ทั่วไปจะรองรับเฉพาะที่ความละเอียด 720p และ 1080i เท่านั้น ส่วน HDTV หมายถึง TV ที่รองรับความละเอียดระดับ Hi-Def ให้ภาพคมชัดมากมากกว่าปกติ โดยสัญญาณดิจิตอลที่ส่งมาที่ TV นั้นจะผ่านกระบวนการบีบอัดข้อมูลสัญญาณดิจิตอล โดย MPEG-2 ทำการถอดรหัส หลังจากนั้นจะถูกส่งไปที่หลอดภาพทำหน้าที่ยิงลำแสงออกมายังหน้าจอ TV ทำให้เกิด Pixel (จุดภาพ) บนจอภาพแต่ในระบบ HD นั้นจะให้ Pixel ที่สูงกว่า TV ทั่วไปมากเลยทีเดียวทำให้ภาพที่ออกมาละเอียดคมชัด ไร้ซึ่งอาการกระพริบของสัญญาณภาพ

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

บึงกาฬ ภาษาอังกฤษยังสับสน

            เกิดความสับสนเมื่อมีผู้เปิดเว็บไซต์หาข้อมูลจังหวัดบึงกาฬ แล้วใช้ชื่อจังหวัดเป็นภาษาอังกฤษไม่ตรงกัน ซึ่งมีทั้ง Bung Kan, Bungkan, Bueng Kan และ Buengkan แม้ว่าเครื่องมือในการหาเว็บไซต์ชื่อดังอย่างกูเกิ้ลจะสามารถพิมพ์หาเป็นภาษาไทย แต่ในที่สุดแล้ว ท่าเว็บก็จะต้องปรากฏเป็นภาษาอังกฤษ แล้วพบว่าส่วนราชการทั่วไป อาทิ สำนักงานจังหวัด โรงพยาบาลจังหวัด เป็นต้น ต่างใช้คำสะกดว่า Bungkan เป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีคำถามว่า ที่ถูกแล้วควรใช้อย่างไร
แต่ที่มาแปลกกว่าเพื่อน คือสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Bueng Kan Provincial Office of the Non-Formal and Information Education แต่ชื่อท่าเว็บกลับใช้ภาษาอังกฤษว่า bungkan เฉย ๆ ไม่มีอักษร e ที่ช่วยสะกดเป็นสระอึ และที่หลุดไปเลย คือสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดบึงกาฬ ที่ตั้งชื่อท่าเว็บว่า beinggan อ่านทับศัพท์ว่า บีอิงกาน
ราชบัณฑิตยสถานกำหนดให้เขียนจังหวัดบึงกาฬเป็นภาษาอังกฤษว่า Changwat Bueng Kan หรือ Bueng Kan Province ตั้งแต่ครั้งยังเป็นอำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

3G

          3G หรือ Third Generation เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ 3 อุปกรณ์การสื่อสารยุคที่ 3 นั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่ผสมผสาน การนำเสนอข้อมูล และ เทคโนโลยีในปัจจุบันเข้าด้วยกัน เช่น PDA โทรศัพท์มือถือ Walkman, กล้องถ่ายรูป และ อินเทอร์เน็ต 3G เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาต่อเนื่องจากยุคที่ 2 และ 2.5 ซึ่งเป็นยุคที่มีการให้บริการระบบเสียง และ การส่งข้อมูลในขั้นต้น ทั้งยังมีข้อจำกัดอยู่มาก การพัฒนาของ 3G ทำให้เกิดการใช้บริการมัลติมีเดีย และ ส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สายด้วยอัตราความเร็วที่สูง
         หากเอาความเร็วของการส่งถ่ายข้อมูลมาเป็นตัวแบ่งก็ได้ดังนี้
          1G โทรได้อย่างเดียว ใช้สัญญาณ analog
          2G voice และ sms หน้าจอขาวดำ พวก 3310 เสียงเรียกเข้าโมโนโทน สัญญาณ digital Killer Application คือ สามารถส่งข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์ได้
         2.5G รับส่งข้อมูลได้เยอะขึ้น(จากเดิมแค่ sms ) เล่นเน็ตบน GPRS ความเร็วทั่วไปอยู่ที่ 115Kbps แต่ในไทยสามารถใช้ได้แค่ 40Kbps เริ่มเป็นหน้าจอสี โพลีโฟนิก
        2.75G เล่นเน็ตแบบ EDGE ความเร็วทั่วไปอยู่ที่ 236-360 kbps แต่เมืองไทย ใช้ได้แค่ 160 Kbps (ปัจจุบันมีการขยายอัตราความเร็วมากถึง 360 Kbps แล้ว) แต่ว่าการใช้งานอินเตอร์เน็ตในยุค 2g อัตราความเร็วยังช้าอยู่ ความจุข้อมูลน้อยและจะต้อง login เข้าระบบก่อนใช้งานเสมอ
        3G เป็นสัญญาณแบบ Wireless ใช้อินเตอร์เน็ตได้เร็วสูงสุด 14.4 Mbps แต่ในไทยใช้ได้สูงสุด 7.2 Mbps อัตราความเร็วต่ำสุด ถ้ายังสูงกว่า EDGE ถึงจะช้าแค่ไหนก็ยังถือว่าไม่มีปัญหา
ผู้ใช้ login ตลอดเวลาแบบ always on คือ ไม่ต้องมีการล็อกเข้าใช้งาน แต่จะเริ่มคิดค่าบริการเมื่อตัวเลขการใช้ข้อมูลวิ่งKiller Application สำหรับยุคนี้คือ VDO Call เพราะสามารถส่งทั้ง ภาพ, เสียงและ ข้อมูลได้พร้อม ๆ กัน
    3.9G คือระบบที่กำลังพัฒนาอยู่ในปัจจุบัน ว่ากันว่าจะทำให้สามารถเล่นเน็ตและคุยวิดีโอคอลล์ไปพร้อม ๆ กันได้หลาย ๆ บริษัทโฆษณาว่าเป็น 4G แต่ ITU ก็ยังไม่อนุมัติให้เป็น 4G เพราะยังไม่มี Killer Application ออกมา

วันพฤหัสบดีที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2554

มุสลิม อิสลามและอาหรับ

    มุสลิม  คือคนที่นับถือ ศาสนาอิสลาม
     อิสลาม คือศาสนาที่นับถือพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว อิสลามแปลว่า ยอมตามเจตจำนงของพระผู้เป็นเจ้า
     อาหรับ คือชนเผ่าเซเมติก ซึ่งปัจจุบันก็มีพวกยิวที่เป็นพวกเซมาติกเหมือนกัน ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คืออาหรับกับยิว ก็เหมือนคนไทยกับคนลาวนั่นเอง
     เมื่อศาสดาโมฮัมหมัดสวรรคต และมีการแต่งตั้งผู้นำของศาสนาอิสลาม คือ ตำแหน่ง “กาหลิบ” ซึ่งในตำแหน่งกาหลิบท่านที่สี่คือ “อาลี” ผู้เป็นบุตรเขยของศสดาโมฮัมหมัด ก้เริ่มมีนิกายหลักๆ ของอิสลามขึ้น 3 นิกาย คือ
       1. นิกายคาริจใจ แปลว่า “ผู้แยกตัวออกมา” พวกคาริจใจนี้ ต้องการกาหลิบที่ได้มาจากการเลือกตั้งของชาวมุสลิมทั้งมวล และพวกคาริจใจนี้เป็นพวกเคร่งครัดในระเบียบวินัยและไม่ยินยอมความฟุ่มเฟือย ปัจจุบันพวกคาริจใจนี้ มีอยู่ประมาณแปดแสนในแอฟริกาเหนือ แต่ที่สำคัญก็คือสาขาหนึ่งของนิกายคาริจใจคือพวก “วาฮาบีส์” ที่เป็นผู้มีอำนาจการปกครองอยู่ในประเทศซาอุดิอาระเบียในปัจจุบัน
     2. นิกายซีอะห์ คือ พวกของอาลี บุตรเขยของศาสดาโมฮัมหมัด คือนิกายนี้นับถือเชื้อสายของศาสดาโมฮัมหมัด และเป็นนิกายที่เป็นศาสนาทางการของประเทศอิหร่านและประชากรส่วนใหญ่ของอิรัก ก็นับถือศาสนาอิสลามนิกายซีอะห์นี้ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาและสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนั้น ตำแหน่งจุฬาราชมนตรีผุ้เป็นผู้นำชาวมุสลิมในประเทศไทยนั้นจะเป็นของพวกซีอะ ห์ เพิ่งจะมีจุฬาราชมนตรีที่เป็นพวกสุหนี่ เมื่อสมัยหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.2475 มานี่เอง
     3. นิกายสุหนี่ ถือว่านิกายนี้เป็นนิกายหลักที่มี ชาวมุสลิมสังกัดอยู่ในนิกายนี้มากที่สุด ซึ่งสุหนี่มาจากคำภาษาอาหรับว่า “สุนา” แปลว่า “ขนบธรรมเนียม” ซึ่ง เป็นที่มาของความประพฤติปฏิบัติของพวกสุหนี่ที่ยึดเอาวัตรปฏิบัติของ ศาสดาโมฮัมหมัดและขนบประเพณีของสังคมมุสลิมในสมัยแรกๆ เป็นเกณฑ์

รัฐ-ชาติ-ประเทศ

        “รัฐ” หมายถึง ชุมชนทางการเมืองของมนุษย์ อันประกอบด้วยดินแดนที่มีขอบเขตแน่นอน มีประชากรอาศัยอยู่ในจำนวนที่เหมาะสม โดยมีรัฐบาลปกครองและมีอำนาจอธิปไตยของตัวเอง
         “ชาติ” หมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในทางวัฒนธรรม และมีความผูกพันกันในทางสายโลหิต เผ่าพันธุ์ ภาษา ศาสนา วัฒนธรรม ตลอดจนมีประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ร่วมกัน หรือมีวิวัฒนาการทางการเมืองการปกครองร่วมกัน เช่นคำว่า “ชาติไทย”
         “ประเทศ” ความหมายกว้าง หมายรวมถึงดินแดนที่มีฐานะเป็นรัฐหรือไม่มีฐานะเป็นรัฐ แต่โดยสรุปแล้ว คำว่า “ประเทศ” ตามกฎหมายระหว่างประเทศ หมายถึง ดินแดน อาณาเขต และสภาพภูมิศาสตร์ เป็นต้นว่า ความอุดมสมบูรณ์ ดินฟ้าอากาศแม่น้ำภูเขา ทะเล ป่าไม้ ฯลฯ เช่น ประเทศไทย

ธรรมรัฐและนิติรัฐ

     ธรรมรัฐ (Good Governance) เป็นแนวความคิดหนึ่งในหลายแนวความคิดที่ถือได้ว่าเป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ ปัญหาในการทำงานของภาครัฐ (Public Sector) ภาคเอกชน (Private Sector) และภาคเอกชนหรือองค์กรสังคมต่างๆ (Civil Society) ซึ่งแนวคิดนี้ได้ปรากฏขึ้นครั้งแรกในรายงานของธนาคารโลกเมื่อปี 2532 และต่อมาองค์การพัฒนาแห่งสหประชาติ (United Nations Development Program : UNDP) ได้นำเอาแนวคิดดังกล่าวไปวิเคราะห์และอธิบายรายละเอียดในเอกสาร Governance for Sustainable Human Development
     จากนั้นมาแนวคิดนี้ได้นำมาใช้ในหลายองค์กร อาทิ ธนาคารพัฒนาการแห่งเอเชีย (ADB) ธนาคารโลก (World Bank) ที่ได้นำมาใช้กับประเทศในแถบเอเชีย เพื่อแก้ปัญหาทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ของภูมิภาคดังกล่าว ซึ่งในส่วนของประเทศไทยที่ประสบภาวะวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงกลางปี 2540และจากผลกระทบดังกล่าวได้ทำให้ประเทศไทยต้องกู้เงินจากกองทุนการเงิน ระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ดังกล่าว โดยหนังสือที่แสดงเจตจำนงกู้เงินได้ระบุให้ รัฐบาลไทยที่ต้องให้คำมั่นที่จะต้องสร้าง Good Governance ในการบริหารจัดการภาครัฐ
      จากนั้นมาแนวความคิดในเรื่อง Good Governance หรือ ธรรมรัฐ ได้ถูกนำเสนอผ่านสื่อมวลชน โดยนักคิด นักวิชาการ และผู้นำทางสังคมอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ น.พ.ประเวศ วะสี นายอานันท์ ปันยารชุน อาจารย์ธีรยุทธ บุญมี ดร.ลิขิต ธีรเวคิน ที่ได้ให้ความหมาย หลักการ แนวทางปฏิบัติ ของธรรมรัฐที่มีจุดเชื่อมโยงร่วมกันในเรื่องของความร่วมมือ ความเสมอภาค ความรับผิดชอบ ความโปร่งใส ความชอบธรรมความยุติธรรม ความคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะ ซึ่งแนวความคิดดังกล่าวได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานในภาครัฐ ในเรื่องของสร้างระบบการบริหารจัดการบ้านเมืองและสังคมที่ดี รวม ไปถึงการสร้างระบบบรรษัทภิบาล ในส่วนของภาคเอกชน อันเป็นการเคลื่อนไหวผลักดันที่สำคัญที่จะทำให้ธรรมรัฐเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ในสังคม
        นิติรัฐ (Legal State) เป็นถ้อยคำที่ใช้กันในประเทศที่ใช้ระบบประมวลกฎหมาย ซึ่งถือกำเนิดในยุโรปภาคพื้นทวีป โดยมีประเทศฝรั่งเศสเป็นแม่แบบ หมายถึงการบริหารปกครองรัฐหรือสังคมซึ่งถือกฎหมายเป็นใหญ่ เป็น "การปกครอง" โดยกฎหมาย มิใช่แล้วแต่อำเภอใจของผู้ใช้อำนาจหรือ "ผู้ปกครอง" ส่วนประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์ ซึ่งมีประเทศอังกฤษเป็นแม่แบบนั้นจะอ้างถึงหลัก "นิติธรรม" (Rule of Law) ซึ่งโดยสรุปก็มีความหมายแบบเดียวกันนั่นคือถือกฎหมายเป็นใหญ่ในการบริหารจัดการรัฐ

การเมือง

        เมื่อเรายกคำถามนี้ขึ้นมาถามว่าการเมืองคืออะไร เราก็จะได้คำตอบที่หลากหลาย เช่น
        การเมืองเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐและการบริหารประเทศ
        การเมืองเป็นเรื่องของการกำหนดนโยบายของรัฐ
        การเมืองเป็นเรื่องของการประนีประนอมผลประโยชน์
       การเมืองเป็นเรื่องของความขัดแย้ง โดยเห็นว่าเนื่องจากทรัพยากรของชาติมีอยู่อย่างจำกัด ขณะที่ผู้คนที่ต้องการใช้ทรัพยากรนั้นมีอยู่มากและความต้องการใช่ไม่มีขีด จำกัด การเมืองจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการที่คนในสังคมไม่อาจตกลงกันได้หรือ เกิดความขัดแย้งขึ้น
        ส่วนมุมมองของนักรัฐศาสตร์แล้วก็มีหลายนักคิดที่ให้นิยามความหมายของคำว่าการเมือง เช่นเพนนอคและสมิธ(Pennock and Smith) กล่าว ว่า การเมือง หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับอำนาจ สถาบันและองค์กรในสังคมที่ได้รับการยอมรับว่ามีอำนาจเด็ดขาดครอบคลุมสังคม นั้น ในการสถาปนาและทำนุบำรุงรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม มีอำนาจในการทำให้จุดประสงค์ร่วมกันของสมาชิกในสังคมได้บังเกิดผลขึ้นมาและมีอำนาจ ในการประนีประนอมความคิดเห็นที่แตกต่างกันของคนในสังคม
       เดวิด อีสต์ตัน(David Easton) กล่าวว่า การเมืองเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ในการจัดสรรแจกแจงสิ่งที่มีคุณค่าต่างๆให้ แก่สังคงอย่างชอบธรรม (the authoritative allocation of values to society)
      ชัยอนันต์ สมุทวณิช กล่าวว่า การเมืองเป็นเรื่องของการแข่งขันกันเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการแบ่งปันคุณค่า ที่ให้ประโยชน์แก่ฝ่ายตนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ (the competition for the authority to determine the authoritative allocation of values to society)
      ณรงค์ สินสวัสดิ์ กล่าวว่า การเมืองเป็นการต่อสู้ช่วงชิง การรักษาไว้และ การใช้อำนาจทางการเมือง โดยอำนาจทางการเมืองหมายถึงอำนาจในการที่จะวางนโยบาย ในการบริหารประเทศหรือสังคม อำนาจที่จะแต่งตั้งบุคคลเพื่อช่วยในการนำนโยบายไปปฏิบัติ และอำนาจที่จะใช้ข้าราชการ งบประมาณหรือเครื่องมืออื่นๆในการนำนโยบายไปปฏิบัติ       
      แต่ผู้ที่นิยามความหมายของคำว่าการเมืองที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางมากที่สุด คือ ฮาโรลด์ ลาสเวลล์ (Harold D. Lasswell) ปรมาจารย์ด้านรัฐศาสตร์ ชาวอเมริกันที่กล่าวว่า “การ เมือง คือ การได้มาซึ่งอำนาจ เพื่อที่จะตัดสินว่าใครจะได้อะไร เมื่อใด และอย่างไร (Politics is,who gets “What”, “When”, and “How”)
       คำว่า “อำนาจ” ในที่นี้ หมายความถึง พลังอะไรบางอย่างที่จะสามารถบังคับ ให้คนหรือกลุ่มบุคคลที่มีพลังน้อยกว่ากระทำตามที่ต้องการ เช่น พ่อแม่มีอำนาจที่จะบังคับให้ลูกไปโรงเรียน ตำรวจมีอำนาจบังคับให้ผู้คนปฏิบัติตามกฎจราจร กลุ่มโอเปกรวมตัวกันเพื่อสร้างอำนาจในการต่อรองราคาน้ำมันในตลาดโลก ฯลฯ โดยอำนาจอาจจะอยู่ในรูปแบบอะไรก็ได้ เช่น ข้อมูลข่าวสาร ฐานะทางการเงิน เกียรติยศทางสังคม เป็นต้น
      การเมืองเกิดจากความเป็นจริงที่ว่า ความจำเป็นต่างๆของมนุษย์มีจำกัด เช่น ฐานะทางเศรษฐกิจ สถานภาพทางสังคม ในขณะที่ความต้องการของมนุษย์มีอยู่อย่างไม่จำกัด การเมืองจึงเกิดขึ้นมาเพื่อที่จะเป็นกฎเกณฑ์ในการแบ่งสรรความจำเป็นต่าง เหล่านี้ ซึ่งต้องเกี่ยวพันกับ “อำนาจ” อย่างเลี่ยงไม่ได้    
     จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่าการเมืองมิใช่เป็นเพียงเรื่องที่รัฐบาล จะทำอะไร รัฐสภาจะออกกฎหมายอะไร เทศบาลจะสร้างเตาเผาขยะที่ไหน ฯลฯ แต่เกี่ยวพันไปในทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่าง ที่เกี่ยวพันกับการได้มาซึ่งอำนาจ เพื่อที่จะตัดสินว่าใครจะได้อะไร เมื่อใด และอย่างไร ดังนั้น การเมืองย่อมแทรกซึมไปทุกที่นับตั้งแต่ระดับใหญ่สุดคือระดับระหว่างประเทศไป จนถึงระดับเล็กสุด เช่น การจดทะเบียนมรดกโลกประสาทพระวิหาร การเมืองในชุมชนหรือหมู่บ้าน หรือแม้กระทั่งการเมืองในองค์กรหรือการเมืองในสำนักงาน ที่มีการต่อสู้ ช่วงชิงยศ ช่วงชิงตำแหน่งและผลประโยชน์ต่างๆอยู่เสมอ
   การดำเนินการทางการเมืองนั้นรวมไปถึงไม่ว่าจะเป็นการกำหนดจุดสร้างโรงไฟฟ้า หรือการสร้างเขื่อน การจะขึ้นหรือลดภาษี การสรรหา สว. การสรรหาคณะกรรมการในองค์กรอิสระทั้งหลาย การเลือกตั้งคณะกรรมการในองค์กรวิชาชีพทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นวิชาชีพใดก็ตาม (รวมทั้งองค์กรตุลาการด้วย) การตกลงกันภายในกลุ่มพลังต่างๆว่าจะกำหนดแนวทางการต่อสู้อย่างไรนี่ก็คือการเมือง